วันอังคารที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2560

Keyword Amazon#1

มีคำถามจากเพื่อนๆ และทีมงาน หลังจากโพสสินค้าใน Amazon แล้ว ปรากฎว่าขายไม่ออก โดยรวมแล้วมีปัจจัยต่างๆ มากมาย แต่มีปัจจัยหนึ่งที่สามารถแก้ไข และ ควบคุมได้้ด้วยตนเองคือ "Keyword" ดังนั้นวันนี้เรามาคุยกันถึงหนึ่งในสาเหตุที่ ทำให้โพสสินค้าไปแล้วขายไม่ได้โพสสินค้าแล้วขายไม่ได้นั่นคือ Keyword.

ขายของบน Amazon ทำไมต้องใส่ใจ Keyword
ใน homepage ของ Amazon จะมีสามส่วนที่ลูกค้าคุ้นเคย
1. ค้นหาด้วย keyword (by search term).
2. ค้นหาตามหมวดหมู่ (by browse category).
3. โปรโมชั่น (by promotion ads)


ช่องทางที่ลูกค้าจะค้นหาสินค้าเราได้โดยง่ายคือ ค้นหาด้วย keyword ถึงแม้การค้นหาตามหมวดหมู่จะมีความเป็นไปได้  (ใน catagory Amazon จะเรียง สินค้าตามความใหม่และ เป็นที่นิยม nex & popular เป็นค่ามาตารฐาน) แต่ด้วยลักษณะและพฤติกรรม ของคนที่ค้นหาสินค้า
แบบนี้จะเป็นการค้นหาข้อมูลทั่วๆไป นั้นอาจจะหมายถึงไม่ได้อยู่ในช่วงที่ตัดสินใจจะซื้อ แตกต่างจาคนที่ค้นหาด้วยการพิมพ์ คำค้นหา (Search term) เพื่อสำรวจสินค้าที่ตนเองต้องการอย่างแน่นอน

Keyword นิยามของคำนี้ Amazon ได้บอกอะไรเราบ้าง

แน่นอนว่าช่องทางที่เพื่อนๆสามารถเข้าไปหาความรู้ รวมถึงการแก้ปัญหาในการขายสินค้ากับ Amazon คือ Help & Support ครับ
ถ้าพูดถึง keyword (Search term) ใน Help & Support Amazon จะบอกอะไรเราบ้าง

https://sellercentral.amazon.com/gp/help/help-page.html/ref=ag_10471_cont_scsearch? ie=UTF8&itemID=10471

ต้อง log in เข้า Seller account ก่อนนะครับ ถึงจะเห็นเนื้อหา


สรุปแล้ว Amazon จะบอกเราประมาณนี้ครับ

1. ใช้ชื่อสินค้า (Products title) ให้เป็นประโยชน์ ใครที่เคยผ่าน ebay มาแล้วน่าจะเข้าใจ ว่าการอัด keyword หรือ search term
ลงไปใน ชื่อสินค้าจัดเป็น เรื่องพื้นฐาน แต่สำหรับ Amazon ถ้าลองได้วิเคราะห์ผลการค้นหาด้วยระบบของ Amazon แล้ว จะพบว่า keywod
ไม่ใช่ตัวแปรอย่างเดียว ที่มีผลต่อลำดับสินค้า ยังมีในส่วนของ feedback, seller score, stock, prize มีผลหมด ในการจัดลำดับ
ที่สำคัญ Amazon เตรียมพื้นที่ให้เราได้จัดเต็ม keyword อยู่แล้ว ในความคิดผู้เขียน product title ที่ยาวเกินงามทำให้ดูไม่เป็นมืออาชีพ
ผู้เขียนใช้พื้นที่ตรงนี้ บอกชื่อสินค้า พร้อมรายละเอียดที่จำเป็น เช่น รุ่น, สี, ขนาด เป็นต้นครับ

2. ไม่ต้องใช้คำซ้ำ ที่มีในชื่อสินค้าอยู่แล้ว เช่นในชื่อสินค้ามี "Muay Thai DVD BOX SET" ในช่อง search term ก็ไม่จำเป็นต้องใส่
MUAY THAI ซ้ำๆนะครับ

3. ไม่ต้องใช้เครื่องหมาย Quote ("_") ในช่อง Search term และ Amazon เพิ่มเติมด้วย Single word หรือคำเดี่ยว
 จะให้ผลการค้นหาคำที่ดีกว่าคำที่เป็นวลี (Phases) แต่กระผมไม่คิดหรอกครับว่า ลูกค้าจะค้นเจอสินค้าของเราจากคำค้นเดี่ยวๆแน่นอนครับ
เพราะเจ้าที่แรงมาก ถ้าลูกค้าเจอสินค้าของผม จากคำว่า "ipod" ป่านนี้คงรวยแล้ว

4. ใช้คำเหมือน หรือ คำใกล้เคียงก็ได้คับ เช่น Airplane เราใช้ Aeroplane เราก็จะใส่ในช่อง search term ก็ได้ครับ

5. การเรียงลำดับคำก็มีผลกับการแสดงผลนะครับ เช่น Muay Thai DVD จะให้ผลต่างจาก DVD Muay Thai

Search Term อะไรยังไง

เรามาดูกันว่า Amezon กำหนดให้เราใช้ ประโยชน์จาก search term อย่างไร ให้เราเข้าไปที่ช่อง add product ในหน้านี้จะ มีแถบ
keyword ให้ใส่คำค้นหาหลายๆ ช่อง

รวมแล้วมี 5 ช่องเราสามารถใส่อักษรได้สูงสุดช่องละ 50 อักษร เพราะฉะนั้นใส่ keyword ได้สูงสุด 250 อักษร

Amazon ได้แจ้งไว้ว่า การใส่ keyword ซ้ำๆกัน หลายช่อง ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อะไร เพราะฉะนั้น คำไหนเด็ดๆ โดนๆ ใส่เข้าไปได้เลยให้ครบ เราคั่นระหว่าง keyword ด้วย comma (,) โดยไม่มีช่องว่าง


รู้ว่าใส่ยังไง แต่ไม่รู้ว่าจะใส่อะไร

1. หาจากเครื่องมือค้นหาที่ Amazon ให้มา

ข้อดีคือ keyword ที่ให้มา มาจากฐานข้อมูลของ Amazon สามารถนำลูกค้าเข้ามาดูสินค้าเราได้มากทีเดียว เก็บ keyword จาก Amazon
suggestion.





2. คีย์เวิร์ดจากคู่แข่ง ของ Amazon ก็ได้ครับ ebay ก็ได้ครับ long tail keyword ดูได้จากเว็ปไซต์ดังๆ

3. เครื่องมือฟรีจาก google ทั้ง google keyword planner and google trends.
สามส่วนนี้เป็น keywod หลักๆที่นำมาใช้กับ amazon ครับ








 

วันจันทร์ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2560

Control plan#1

Control Plan ก็เป็นเครื่องมือตัวหนึ่งใน ISO/TS16949.
 
Control plan คืออะไร แปลตรงตัวคือ แผนการควบคุมการผลิต ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้แผนการควบคุมทั้งหมดในกระบวนการผลิตแต่ละ process และ สิ่งที่ต้องควบคุม

 
 
 
อันดับแรกคือชื่อเอกสารว่า Control Plan – แผนควบคุม
 
1 Control Plan Number – หมายเลขแผนควบคุม มีรายการ
 ให้เลือกอยู่ 3 ขึ้นอยู่กับกระบวนการผลิตว่าอยู่ที่ state ไหน
 ข้างบนนั้น คือ Prototype – ต้นแบบ  Pre-launch  - การทดลองผลิต
 และ Production – การผลิต ให้เราทำเครื่องหมายลงไป
 
2  Part Number/Latest Change Level
    Model หรือ part number model/ revision
 
3  Part Name / Description ชื่อโมเดลและรายละเอียด
4  Supplier / Plant – ผู้ส่งมอบ / โรงงาน
5  Supplier Code – รหัสผู้ส่งมอบ
6  Key Contact / Phone – ที่ติดต่อหลัก / เบอร์โทรศัพท์ ก็ใส่ที่ที่สามารถติดต่อได้ลงไป
7 Core Team – ทีมงานหลัก ตรงนี้คงจะเห็นชัดได้ว่าแผนควบคุมต้องการให้มีการทำงานเป็น
    ทีม ก็ใส่ลงไป เป็นรหัสก็ได้ ใครเป็นใครไปขยายความเอาข้างนอก
8 Supplier / Plant Approval / Date – ผู้ส่งมอบ / การอนุมัติโรงงาน / วันที่
9 Other Approval / Date (if requires) – การอนุมัติอื่นๆ / วันที่ (หากต้องการ)
10 Date Original / วันที่ดั้งเดิม คือวันที่ทำแผนควบคุมนี้
11 การอนุมัติทางวิศวกรรมของลูกค้า / วันที่ (หากต้องการ)
12 การอนุมัติคุณภาพของลูกค้า / วันที่ (หากต้องการ)
13 Other Approval / Date (if requires) – การอนุมัติอื่นๆ / วันที่ (หากต้องการ)
ตั้งแต่ข้อ 1 -13 เป็นหัวกระดาษ กรอกครั้งเดียวแล้วจบ ตั้งแต่ข้อ 14 เป็นต้นไปเป็นเนื้อหาจริงของแผนควบคุม
14 Part / Process Number – หมายเลขชิ้นส่วน /กระบวนการ เป็นชิ้นส่วน หรือกระบวนการที่คุณกำลังทำแผนควบคุมอยู่
15 Process Name / Operation Description – ชื่อกระบวนการ / คำบรรยายการปฏิบัติงาน คุณอาจต้องใช้กระดาษที่มีความกว้างพอสมควร เพราะเนื้อหา
 มีมาก ตรงนี้ให้คุณใส่ชื่อกระบวนการเข้าไป หรือไม่ก็อธิบายกระบวนการ
16 Machine, Device, Jig, Tools for Manufacturing – เครื่องจักร อุปกรณ์  จิ๊ก  เครื่องมือสำหรับการผลิต
17 Characteristics – ลักษณะ ที่แบ่งออกเป็น 3 ส่วนย่อยคือ 18 – 19 – 20
18 No. – หมายเลข
19 Product: ผลิตภัณฑ์ ตรงนี้หมายถึงผลิตภัณฑ์ที่ได้ออกมาจากกระบวนการนี้
20 Process: กระบวนการ หมายถึง กระบวนการที่ใช้ทำผลิตภัณฑ์
21 Spec. Char. Class เช่น จุด special characteristic.
22 Method – วิธีการ นี่เป็นหัวข้อใหญ่ที่ครอบคลุมข้อ 23 – 28
23 Product / Process Specification / Tolerance – ข้อกำหนดของ ผลิตภัณฑ์ / กระบวนการ / เกณฑ์ความคลาดเคลื่อนที่ยอมให้ ตรงนี้คุณต้องใส่สเปค
 ของผลิตภัณฑ์ หรือกระบวนการเข้าไป หรืออาจเป็นค่าเกณฑ์ความคลาดเคลื่อนที่ยอมให้ก็ได้
24 Evaluation Measurement Technique – การประเมินเทคนิคการวัด ตรงนี้เป็นการประเมินเกี่ยวกับการวัดค่าต่างๆ ข้อมูลอาจได้มาจาก MSA คุณอาจนำ
 เทคนิคสถิติเช่น Process Capability หรือ Control Chart มาใช้
25 Sample – ตัวอย่าง เป็นตัวอย่างที่เก็บมาวัด แบ่งเป็น 2 รายการย่อยคือ 26 – 27
26 Size –ขนาด เป็นขนาดตัวอย่าง ไม่ใช่เป็นมิตินะครับ เป็นจำนวนตัวอย่างที่ชักมาวัดค่า
27 Frequency – ความถี่ ไม่ใช่ความถี่เสียง หรือแสงอะไรทั้งสิ้น เป็นความถี่ของการชักตัวอย่างเช่น วันละครั้ง หรือสับดาห์ละ 2 ครั้ง
28 Control Method – วิธีการควบคุม ตรงนี้คุณใส่หมายเลข Procedure หรือ Work Instruction ลงไปก็ได้
29 Reaction Plan – แผนโต้ตอบกลับ คุณต้องบอกไปว่าหากมีปัญหาจะทำอย่างไร

วันพุธที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2560

FMEA Knowledge#3


FMEA Table.
 

 
 
 
1. Process Function: กระบวนการผลิดต
2. Potential Failure Mode: ความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้
3. Potentail Effect of Failure: ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นได้
4. Severity: ความรุนแรงที่เกิดขึ้น
5. Potential cause: สาเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้
6. Occurance: โอกาสที่จะเกิดขึ้น
6. Current process control: การควบคุมในกระบวนการผลิตปัจจุบัน
7. Detect: ความสามารถในการตรวจจับ
 
 
ด้านบนเป็นตัวอย่างตาราง FMEA ที่ใช้กันทั่วไปในกระบวนการผลิต
 
 
 


วันจันทร์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2560

FMEA Knowledge#2

การศึกษาและวิจัย FMEA โดยใช้งานจริงในกระบวนการผลิต

ความรู้เบื้องต้น FMEA ได้มีการพัฒนาเป็นครั้งแรก โดยหน่วยงานอากาศยานของสหรัฐอเมริกา
ได้แก่กองทัพอากาศ กองทัพเรือ องค์การ NASA.

หลังจากนั้น BIG 3 ได้มีการนำมาใช้ใน อุตสาหกรรมการผลิต โดยอยู่ในข้อกำหนดของ
QS-9000 ปัจจุบันได้นำมาใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยอยู่ในข้อกำหนดของ
QS-9000, TS-16949.

ในประเทศไทยจำกัดอยู่ที่อุตสาหกรรมยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์

ในเพจนี้จะอธิบาย ตัวอย่าง การประยุกต์ใช้ เทคนิค FMEA ในสายการผลิต (Assembly Line) ในอุตสาหกรรม การประกอบรางสไลด์ของเบาะรถยนต์

AIAG = Automatic Industry Action Group ได้ให้ความหมายว่า
กลุ่มของกิจกรรม เชิงระบบที่มีจุดมุ่งหมาย
1. รับรู้และประเมินข้อบกพร่องของผลิตภัณฑ์ และ วิเคราะห์ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากข้อบกพร่อง
2. บ่งชี้ถึงการปฏิบัติ ที่สามารถกำจัดหรือลดโอกาสการเกิดข้อบกพร่อง
3. จัดทำกระบวนการทั้งหมดในรูปแบบเอกสาร

สรุปคือ FMEA จะมุ่งเน้นการชี้ให้เห็นถึงลักษณะความเสียหาย หรือ สาเหตุที่จะทำให้ความเสียหายเกิดขึ้น (Potential Failure Mode) จากนั้นวิเคราะห์ผลกระทบของความเสียหาย (Effect Analysis) และสุดท้ายหาวิธีป้องกัน ความเสียหายที่จะเกิดขึ้น (Problem Prevention).

  •   ประโยชน์ของการทำ FMEA.
1. ประเมินผลการออกแบบการผลิต (DFM).
2. ปรับปรุงคุณภาพ ความไว้วางใจ ความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์
3. ลดต้นทุนที่ซ่อนเร้นของกระบวนการผลิต เพิ่มความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจระยะยาว
4. เพิ่มความมั่นใจให้กับลูกค้า
5. ลดต้นทุนเวลาในการผลิตสินค้าใหม่ๆ ทำให้ วางตลาดได้เร็วขึ้น
6. ช่วยในกระบวนการป้องกันข้อบกพร่อง
7. ช่วยลำดับความสำคัญก่อนหลังในการปรับปรุงคุณภาพ โดยผ่านตัวเลขวิเคราะห์ความเสี่ยง
8. ช่วยบ่งชี้ข้อผิดพลาด (error) ที่เกิดขึ้นในขั้นตอนต่างๆ
9. ช่วยบ่งชี้ปัจจัยที่เป็นสาเหตุสำคัญของปัญหา เพื่อดำเนินการพิสูจน์และแก้ไขต่อไป อันนี้สำคัญมาก
     ในระบบ Six Sigma.

  •  แนวความคิดของ FMEA.
จะมีการดำเนินการตามแนวความคิดพื้นฐาน 3 ประการ

1. ดำเนินการโดยคณะทีมงาน ซึ่งมีความรู้ในเทคโนโลยีเฉพาะด้าน ซึ่งประธานควรมีความรู้ที่ดีใน
    กระบวนการแก้ปัญหา ควรมีสมาชิกในลักษณะ ข้ามสายงาน (Cross function team).
    สมาชิกต้องมีสำนึกในการปรับปรุงคุณภาพ และ มีความคิดที่เป็นส่วนร่วมในการทำงาน
 
2. การวิเคราะห์หน้าที่ของผลิตภัณฑ์ และ กระบวนการ 
    เริ่มต้นจาก  กำหนดกระบวนการที่ต้องศึกษา  บ่งชี้หน้าที่ของผลิตภัณฑ์ และ กระบวนการ โดย
    วิเคราะห์ ว่า มีอะไรในกระบวนการ ที่จะทำให้ผลิตภัณฑ์ หรือ กระบวนการมีปัญหา  เมื่อวิเคราะห์
    หน้าที่ของผลิตภัณฑ์และกระบวนการเพื่อกำหนดลักษณะข้อบกพร่อง และกำหนดสาเหตุข้อ
    บกพร่อง ตลอดจนผลกระทบแล้ว ผู้วิเคราะห์จะทำการประเมินค่าความเสี่ยง เป็นตัวเลข RPN.
    Risk Priority Number: RPN = S * O * D.
    
     S = ความรุนแรง (Severity) คือผลกระทบของข้อบกพร่องที่เกิดขึ้นกับลูกค้า
     O =  โอกาสที่จะเกิดขึ้น (Occurance)
     D = ความสามารถในการตรวจจับ (Detection)

หลังจากวิเคราะห์ความเสี่ยง RPN ของข้อบกพร่องแต่ละตัวแล้ว เราจะพิจารณาว่าลักษณะข้อบกพร่องใดที่มี่ค่าความเสี่ยงมากๆ ซึ่งมีจำนวนไม่มากนัก (Vital Few Mode) มาทำการวิเคราะห์ แก้ไขเพื่อลดความเสี่ยงต่อไป

หลักเกณฑ์ในการวิเคราะห์ความเสี่ยง จะเริ่มจากการพิจารณาข้อบกพร่องที่มีความรุนแรงมาก (9,10)
ก่อนโดยไม่สนใจ RPN ว่าจะมีมากน้อยเพียงไร จากนั้นจึงพิจารณาค่า RPN ที่สูง เพื่อนำมาแก้ไข
กรณีที่สองเคส มีค่า RPN and S เท่ากัน ควรเลือกลักษณะข้อบกพร่องที่มีความเป็นไปได้ในการเกิด มากกว่า มากดำเนินการวิเคราะห์แก้ไขปัญหาก่อน


3. การดำเนินการโดยการเน้นการปรับปรุงไม่สิ้นสุด

   แนวความคิดสุดท้ายของ FMEA คือปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง ไม่สิ้นสุด เพราะฉะนั้นเอกสาร
   FMEA เป็นเหมือนเอกสารที่มีชีวิต ปรับปรุงให้ระบบโตขึ้นเรื่อยๆ

AIAG ได้เน้นขอบเขตการทำ FMEA ไว้ 3 กรณี

1. กรณีที่มี การออกแบบใหม่ เทคโนโลยีใหม่ กระบวนการใหม่
2.  มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลง การออกแบบ เทคโนโลยี กระบวนการ
3.  เปลี่ยน สภาพแวดล้อม เปลี่ยนตำแหน่ง เครื่องจักร
4.  มีความบกพร่องเกิดขึ้นกับผลิตภัณฑ์ ทั้งจากลูกค้า และ การผลิต




                                           Severity Table.


                                         Occurance Table.




                                       Detection Table.
 



             



วันศุกร์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2560

FMEA Knowledge#1


วิวัฒนาการ การปรับปรุงคุณภาพเพื่อความพึงพอใจของลูกค้า



จากอดีตจนถึงปัจจุบัน การปรับปรุงคุณภาพเพื่อความพึงพอใจของลูกค้า มีการ พัฒนาอย่างต่อเนื่อง เริ่มจากการใช้หลักสถิติ ในการควบคุมคุณภาพ
ได้แก่
1. Sampling การสุ่มตัวอย่างเพื่อตราจสอบคุณภาพ
2. Final Inspection การตรวจสอบคุณภาพขั้นสุดท้ายก่อนส่งมอบให้ลูกค้า

หลังจากนั้นระบบการผลิตได้เข้าสู่ ยุคการผลิตคราวละมากๆ ( Mass production ).
การตรวจสอบคุณภาพที่มีอยู่อาจจะไม่สามารถแก้ปัญหาได้ทันท่วงที ดังนั้น "การควบคุมคุณภาพของกระบวนการผลิต" จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นมากกว่า
เพราะถ้ากระบวนการผลิตมีเสถียรภาพ (Stable) ที่ดี ผลผลิตที่ได้จะมีคุณภาพที่ดีสม่ำเสมอ

ดังนั้นจึงได้มีการนำ เทคนิคการควบคุณคุณภาพของกระบวนการผลิตทางสถิติเข้ามาช่วย (Stastic Process Control).
มีเครื่องมือในการตรวจสอบ 7 ประการ
1. Check sheet.
2. Histrogram.
3. Pareto.
4. Cause & Effect diagram.
5. Scatter Chart.
6. Flow chart.
7. Control chart.

แต่ปัจจุบัน กระบวนการผลิต ได้เป็นจาก Mass production ไปสู่ "การผลิตแบบหลากหลาย" "Mass Customization".

การวิเคราะห์รากปัญหาของกระบวนการผลิต เพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหาในกระบวนการผลิต ย่อมส่งผลโดยตรงต่อการปรับปรุงคุณภาพผลิตภัณฑ์ และตอบสนองความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้า

วิธีการที่ใช้ในการ วิเคราะห์ถึงรากของปัญหาในกระบวนการผลิต คือ FMEA

การตรวจสอบ (Sampling) --> ใช้สถิติควบคุมคุณภาพ และ กระบวนการผลิต (7 tools) -->  การวิเคราะห์รากของปัญหา (FMEA)

ความเข้าใจผิด การตรวจสอบทั้งหมด (100% inspection) เป็นแค่การแยกงานดีกับงานเสีย ออกจากกัน แต่ไม่ได้ทำให้ ความผันแปร (Variation) ของผลิตภัณฑ์ หรือ ความผันแปรของกระบวนการ ลดลง ตามรูปด้านล่าง

ตามรูปจะเห็นได้ว่า ความผันแปรของกระบวนการยังอยู่ เพราะแยกแค่ของดีกับของเสีย ไม่ได้แก้ไขกระบวนการผลิตเลย

ต่อมาได้มีการนำ SPC ใช้ควบคุมกระบวนการผลิตเพื่อให้การผลิตมีเสถียรภาพ (Stable)
โดยควบคุม Parameter ที่มีผลต่อกระบวนการผลิต

หัวใจหลักคือถ้าควบคุม Parameter ที่มีสำคัญต่อกระบวนการผลิตได้เป็นอย่างดีแล้ว ก็จะทำให้ผลผลิตมีคุณภาพดีด้วย  แต่วิธีนี้เน้นการควบคุมกระบวนการ มากกว่า การแก้ปัญหาของกระบวนการผลิต
ดังนั้นจึงยังไม่ทำให้ความผันแปร (Variation) ของกระบวนการผลิตลดลง แค่อยู่ในระดับที่ควบคุมได้ (In control)

จนกระทั่งในบัจจุบัน ตระหนักถึงรากของปัญหาในกระบวนการผลิต จึงมีการประยุกต์ใช้
"การออกแบบการทดลอง DOE (Design of Experiment)" เพื่อทำการวิเคราะห์
พารามิเตอร์ตัวใดมีผลกระทบโดยตรง พารามิเตอร์ตัวใดไม่มีผลกระทบต่อกระบวนการผลิต จากนั้นจึงทำการแก้ไขปรับปรุง พารามิเตอร์ที่มีผลกระทบต่อ กระบวนการผลิตจริงๆ ซึ่งเป็นการแก้ไขปัญหาที่ต้นตออย่างแท้จริง จึงทำให้ความผันแปรของกระบวนการลดลง


FMEA คืออะไร ?????

FMEA = Failure Mode and Effect Analysis คือ การวิเคราะห์คุณลักษณะของความเสียหาย และ ผลกระทบที่ตามมา

อยู่ในข้อกำหนดของระบบ QS-9000, TS16949.

FMEA จะมุ่งเน้นให้เห็นถึง คุณลักษณะของความเสียหาย สาเหตุที่นำไปสู่ความเสียหาย (Potential Failue Mode) ที่อาจเกิดขึ้นจากการผลิต การออกแบบ การบริการ
จากนั้นวิเคราะห์ผลกระทบของความเสียหาย (Effect Analysis)
สุดท้ายจะนำไปสู่การป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้น (Problem Prevention).

FMEA มี 3 ประเภท

Design FMEA
Process FMEA
Service FMEA


คำจำกัดความ

1. Failue ความเสียหาย คือ ผลิตภัณฑ์ กระบวนการ การบริการ ที่ไม่สามารถทำงานได้ตาม
               ข้อกำหนด
2. Failure Mode คุณลักษณะของความเสียหาย อาการของความเสียหาย ส่วนใหญ่เป็น
              คุณลักษณะทางกายภาพ (Physical Characteristic) ได้แก่ แตก ร้าว
              บิดเบี้ยว สีเพี้ยน สามารถสังเกตุ ได้จากประสาทสัมผัส
3. Effect คือ ผลกระทบจากความเสียหาย
4. Analysis คือ การวิเคราะห์อย่างเป็นระบบ


ขั้นตอนการปรับปรุงคุณภาพของผลิตภัณฑ์ โดย FMEA.
1. กำหนด Flow Chart การทำงาน
2. กำหนดหน้าที่หลักของผลิตภัณฑ์
3. วิเคราะห์ คุณลักษณะความเสียหาย (Failure Mode) ที่เกิดขึ้นกับผลิตภัณฑ์
4. หาสาเหตุ ของความเสียหาย (Cause of Failure Mode)
5. พิจารณาว่าลูกค้าจะรู้ได้อย่างไร ถ้าเกิดความเสียหายต่อผลิตภัณฑ์ (Effect)
6. กำหนดระดับความรุนแรงของความเสียหาย (Servirity) --> S
7. พิจารณาความถี่ที่ทำให้ความเสียหายเกิด (Occurance) --> O
8. พิจารณาถึงวิธีการ, ความสามารถ ในการตรวจจับความเสียหาย (Detection) --> D
9. คำนวนค่า Risk Priority Number (RPN).
10. จัดอันดับปัญหา


การเปรียบเทียบ ระหว่าง FMEA & Cause & Effect Diagram.

- FMEA มีมิติที่มากกว่าในการ ทราบทั้ง สาเหตุ, ผลกระทบ, RPN, ลำดับความรุนแรง ,
   ความถี่ในการเกิด, ความสามารถในการตรวจจับปัญหา
- Cause & Effect diagram จะทราบแต่สาเหตุของปัญหาอย่างเดียว แต่จะลึกกว่าในการหา 
   รายละเอียด ใน main factor (Man, Material, Method, Machine).
















วันเสาร์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2559

Review .... Yafu the make up feel soft slippery flower white pearl cassette silver edge.

Yafu the make up feel soft slippery flower white pearl cassette silver edge.



 
 
 
·         Texture is  very light, smooth can fill the day no stain or no clogged pores.
No. 1  for bright skin upper layer is white powder mix with foundation smooth to cover, lower layer is
          light press power can fill during day.
No. 2 for bright yellow skin or olive skin upper layer is light powder can fill during day, lower layer mix with
          shimmer help your face clear.
 
 
 

วันศุกร์ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2559

Review .... Yafu press powder whitening stay gold cassette and box.

Yafu press powder whitening stay gold cassette and box.

 

 

·Whitening powder gold cassette & box it have 2 layers press powder and 1 layer (ground floor)

     is puff.

·         Package Cassette & Box is beauty and smart powder have a lot of value for skin it help

      Make skin bright, smooth, clear whole day.

·         Help to hide Wrinkles abrasion & Wrinkles, crow's feet on the face. Make the skin

                  look smooth and natural.

·         Gentle, non-irritating to the skin ages without Losers.

·         The coating by silk. and the titanium dioxide.

·         Like wax face.

·         Press powder have 2 layers and 1 puff in ground layer.


No. 1  upper layer is a white powder for bright skin, lower layer is a puff pastry filled during the day for a

          bright skin.

No. 2  upper layer  is a powder mixed with Shimmer for bright yellow skin, lower layer is a puff pastry filled

          during  the day for a bright and clear skin.